เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๔ ต.ค. ๒๕๖๑

เทศน์เช้า วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะนะ วันนี้วันออกพรรษา ในพระพุทธศาสนาเรา วันสำคัญ วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วันเข้าพรรษา การทำบุญใหญ่ วันนี้วันออกพรรษาก็ทำบุญใหญ่ พรุ่งนี้ก็ตักบาตรเทโวฯ

เวลาพระป่าๆ หลวงตาท่านสอนไว้ ท่านบอกเลยนะ ถ้าต่อไปถ้าเราไม่ทำธุดงค์ๆ ไว้ มันจะมีแต่ตำรา มันจะมีแต่ตัวอักษร อย่างเช่นในปัจจุบันนี้ สติปัฏฐาน ๔ มรรค ๘ มีแต่ตัวอักษร ไม่มีอยู่จริงในหัวใจของสัตว์โลก ไม่มีอยู่จริงหรอก มีแต่ขี้โม้ นี่ก็เหมือนกัน ท่านบอกให้ทำไว้ๆ ไง

แล้วสมัยท่านดำรงชีพอยู่นะ “ถ้าไม่ถือธุดงค์ เราจะไม่เข้าไปเหยียบ ไม่ใช่ลูกศิษย์เรา” ท่านบอกถ้าถือธุดงควัตร ธุดงควัตรมันมีอยู่ในตำรับตำรา ตำรับตำราขึ้นมาแล้ว ครูบาอาจารย์เราท่านทำประพฤติปฏิบัติขึ้นมาท่านได้ประโยชน์ของท่านขึ้นมา

เวลาจะเข้าพรรษาขึ้นมา พระจะอธิษฐานธุดงค์ๆ อธิษฐานกติกาขึ้นมา ก่อนเข้าพรรษามันเป็นว่าพระเราเริ่มตั้งสัจจะว่าจะทำคุณงามความดี แล้วในพรรษานั้นถ้าประพฤติปฏิบัติไป ในการประพฤติปฏิบัติ เวลาในพระไตรปิฎก เวลาฆราวาสเขาไปเยี่ยมพระ พระไม่มีในวัดสักองค์หนึ่งเลย ไปฟ้องพระพุทธเจ้าว่าพระทะเลาะกันๆ นะ

เวลาเข้าไปแล้วโยมเขาบอกว่า ถ้าจะหาพระให้เคาะระฆัง เคาะระฆัง พระก็มา พอมาขึ้นมาแล้วพระไม่พูดกันเลย ไปฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบอกนั่นแหละพระที่จะเอาจริงเอาจัง

ความเอาจริงเอาจังอันนั้นมันต้องอยู่ในที่สงัด ในที่สงบ ในที่วิเวก ถือธุดงค์ๆ ธุดงค์ก็เพื่อความสงัด ความวิเวก แต่เพราะด้วยบุญด้วยกุศล เวลาคนทำคุณงามความดี ความดีกลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมหอมทวนลม คนก็มาศรัทธามีความเชื่อของเขา นั่นเป็นความเชื่อของเขา

เวลาพระประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาต้องการความสงบสงัดขึ้นมา เวลามันมีผลกระทบกระทั่งกัน เวลาผลกระทบกระทั่งในพรรษานั้น พอในพรรษานั้นออกพรรษาแล้ว วันนี้วันออกพรรษา วันออกพรรษาเป็นวันมหาปวารณา

เวลาพระเรานะ เวลาคนจะทำงานเขาต้องปาฐกถา เขาต้องปฐมนิเทศเพื่อจะทำให้องค์กรนั้นไปในทิศทางเดียวกัน พระ เวลา ๑๕ ค่ำ ๑๕ ค่ำต้องลงอุโบสถๆ เวลาลงอุโบสถศีลเพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ของสงฆ์ เวลาสวดปาฏิโมกข์ ใครผิดข้อไหนก็สะกิดไว้ๆ ว่าเดี๋ยวจะปลงอาบัติๆ

แต่ในปัจจุบันนี้พระฟังภาษาบาลีกันไม่เป็น เขาก็เลยให้ปลงอาบัติไว้ก่อนๆ เวลาอุโบสถมันมีความสำคัญ ความสำคัญเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้แสดงปาฏิโมกข์เสียเอง แต่สุดท้ายแล้วที่ว่ามีพระที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ในสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่แสดงธรรม พอไม่แสดงธรรม พระอานนท์นิมนต์แล้วนิมนต์อีก สุดท้ายแล้ว “ต่อไปนี้เราจะไม่แสดงธรรม ให้ภิกษุแสดงธรรมกันเถิด ให้ภิกษุไปแสดงปาฏิโมกข์กันเอง”

ในการแสดงปาฏิโมกข์เพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ของสงฆ์ เพื่อความมั่นคงของสงฆ์ เพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ในหมู่สงฆ์ แต่พอถึงวันออกพรรษาๆ ใครทำความผิดแล้วระลึกได้ ใครคอยขอขมาลาโทษกัน สิ่งนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวันปวารณาให้แทนปาฏิโมกข์ได้ นี่พูดถึงหมู่สงฆ์ๆ นะ ไอ้นี่มันเป็นกติกา มันเป็นมาในธรรมและวินัย ถ้าธรรมและวินัยนะ

แต่เวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติมา ในสังคมสงฆ์ๆ ทำไมพระองค์นั้นประพฤติปฏิบัติตัวเลวทราม คนล้อมหน้าล้อมหลังเลย ทำไมพระองค์นั้นปฏิบัติดี๊ดีอยู่ในป่าองค์เดียวไม่มีใครรู้จักเลย นี่ไง กระแสสังคมๆ

นี่ก็เหมือนกัน เวลาคนโดยทั่วไปจิตใจของเรามันโดนบีบโดนคั้น เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันได้สร้างคุณงามความดีของมันมา มันได้สร้างบาปอกุศลของมันมา เวลาครูบาอาจารย์ท่านถึงว่าให้ขอขมาลาโทษ การให้ขอขมาลาโทษเพื่อสำนึกผิด สำนึกถึงเวรกรรมของเรา ต่อไปอนาคตนะ มันจะไม่มีเศษเวรเศษกรรมตามไป ถึงให้มันมีการขอขมากัน การขอขมาต่อไปนี้จะให้มันเป็นความจริงใจ ให้มันออกมาจากใจ ให้มันสำนึกผิด

ความสำนึกผิด อยู่ที่ไหนก็ขอขมาลาโทษได้ ไม่ต้องมาจัดเป็นพิธีกรรม ถ้าเป็นพิธีกรรมน่ะมันแค่พิธี แค่พิธี มันขมาแต่เป็นพิธีไง แต่ใจมันขมาไหม ใจมันสำนึกผิดไหม ใจมันยอมรับไหม ใจมันเป็นจริงหรือไม่ ถ้าไม่เป็นจริงมันหน้าไหว้หลังหลอก มันเป็นแค่พิธีกรรมไง เราติเตียนเรื่องพิธีกรรมๆ มาตลอด

ถ้าใครเป็นจริงๆ ให้มันเป็นจริงมาจากใจของเขา ถ้าเป็นจริงจากใจของเขานะ ถ้าใครสำนึกได้ๆ ความสำนึกได้ นี่การขอขมาลาโทษ การให้อภัยต่อกัน เขตอภัยทานๆ มันเขตอภัยทานเพื่อเราไม่รุกรานกันไม่ทำลายกันเพื่อสิ่งมีชีวิต ให้มันเป็นจริงจากหัวใจ

ถ้ามันจะมาทำเป็นพิธีๆ แค่พิธี พิธี ต่อไปนี้ ดูสิ ทำบุญ งานศพเขามีบริษัทจัดงานให้ ทุกอย่างมีจัดงานให้ งานบวชเมื่อก่อนนะ งานบวชเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ในชุมชนนั้นจะมีมีดคนละด้ามจะไปทำครัวร่วมกัน มันเป็นบุญกุศลทั้งหมู่บ้านเลย มันเป็นการระลึกถึงกัน มันเป็นการผูกพันกันนะ

เดี๋ยวนี้โต๊ะจีน ไปนั่งแจะ เสร็จแล้วกลับ นี่ไง มันไปเรื่อย เพราะแค่พิธีๆ ไง แต่ถ้าเป็นความผูกพันกันนะ ไปถึงแล้ว ไปถึงระลึกถึงกัน สารทุกข์สุกดิบ ใครเป็นอย่างไร ในชุมชนในหมู่บ้านนั้นเขารักกันเขาผูกพันกัน นี่มันสำคัญ สำคัญตรงนั้นไง นี่ก็เหมือนกัน แค่พิธีก็แค่พิธีเท่านั้นน่ะ ฉะนั้น เวลาถ้าจะทำก็ทำให้มันจริงใจกับเรา คำว่า จริงใจกับเรา” มันเป็นสมบัติของเรานะ

เวลาทำบุญกุศล บุญมันคืออะไร บุญคือความสุขใจ ความสุขใจแล้วบุญมันอยู่ที่ไหน เวลาทำบุญแล้ว เป็นชาวพุทธทำบุญมาทั้งชิวิตเลย ทำไมชีวิตมันทุกข์ยากขนาดนี้ ทำไมบุญไม่ส่งเสริมเราเลย

กรรมเก่า กรรมใหม่ เวลากรรมเก่า กรรมเก่าคือจริตนิสัยความรู้สึกนึกคิดในหัวใจของเรา ไอ้ความที่ปิดไว้ในใจนั่นน่ะ ไอ้ความดื้อด้านในใจนั่นน่ะกรรมเก่า แต่ด้วยบุญกุศลได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พอเกิดเป็นมนุษย์ขึ้นมาแล้ว เวลาเราเกิดเป็นมนุษย์ขึ้นมาเกิดมาพบพระพุทธศาสนา ถ้าพระพุทธศาสนา ทำบุญแล้วได้บุญมหาศาล ทำบุญ บุญยิ่งใหญ่

บุญยิ่งใหญ่ถ้าจิตมันเป็นธรรมๆ เพราะทำบุญ เราทำบุญไม่มีใครรู้เห็นเลย โอ้โฮ! มีความสุขมาก ปลื้มใจมาก กลับไปแล้วนะ โลกจะระเบิด โลกจะแตกเลย เรายังมีความสุข นี่มันยิ่งใหญ่อย่างนั้น มันยิ่งใหญ่ในหัวใจของเรานั่น บุญมันอยู่ที่นั่น

บุญไม่ได้อยู่ที่กิริยา อยู่ที่สังคมเชิดชูบูชา อยู่ที่กระแสสังคม กระแสสังคมมันเป็นกระแสสังคม ทำบุญนะ ถ่ายรูปหรือยัง ถ่ายรูปก่อน เซลฟีก่อนเลยนะ ยังใส่บาตรไม่ได้...โธ่! เวรกรรม นี่ไง เราเอาบุญอะไรมา

บุญมันมาจากหัวใจ มาจากเราตั้งใจทำของเรา นี่มันเกิดประโยชน์กับเรา ถ้าหัวใจคนที่ยิ่งใหญ่นะ มันจะไม่มีการระหองระแหง มันจะไม่มีการขัดแย้งกันเลย แต่ที่มันขัดแย้งกัน ขัดแย้งกันก็กิเลสใครกิเลสมันไง กิเลสใครก็มุมมองไง เรามีมุมมองอย่างนั้นๆ

วัตถุ ปัจจัยเครื่องอาศัย คำว่า ปัจจัยเครื่องอาศัย” สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามันคือศีล สมาธิ ปัญญา มีสติขึ้นมา สติควบคุมหัวใจของเรา ที่มาวัดมาวามากันมาเพื่ออะไร มาเพื่อประพฤติปฏิบัติ มาเพื่อหาความจริง

ถ้ามีสติขึ้นมานะ โอ้โฮ! ทางจงกรมอันนี้ใครทำให้นะ โอ้โฮ! แก้วมันตกผลึกเลย มันเหมือนพระอินทร์เลย โอ้โฮ! นี่ใครทำไว้นะ ระลึกถึงบุญถึงคุณของเขา ใครสร้างทางจงกรมอันนี้ไว้ เราเดินจงกรมแล้วจิตมันสงบ โอ้โฮ! ระลึกถึงบุญถึงคุณเขา รุ่งขึ้นทางจงกรมสายนั้นน่ะ โอ้โฮ! วันนี้ทางจงกรมนี้ใช้ไม่ได้เลย มดก็มี ทุกอย่างมี ติเขาไปหมด

ทางจงกรมก็เส้นเดิมนั่นแหละ เวลาจิตมันเป็นบุญกุศลขึ้นมามันระลึกถึงเขานะ โอ้โฮ! ใครมาสร้างไว้ ระลึกถึงบุญคุณของเขา สร้างไว้ให้เราขวนขวาย ให้เรากระทำ แล้วจิตเราสงบระงับเข้ามา จิตเรามหัศจรรย์มาก ระลึกถึงบุญถึงคุณของเขา มีความสุขในใจของเรา ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นเช่นนี้เอง สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ระลึกถึงบุญถึงคุณเขา วันไหนภาวนาไม่ลง ทางจงกรมทำใช้ไม่ได้เรื่องเลย ทำขวางตะวัน แดดมันส่องตา ทำใช้ไม่ได้

ใคร ใครไปติไปเตียนเขา ก็หัวใจดวงนั้นน่ะ หัวใจดวงนั้นน่ะ ถ้าใจมันเป็นความจริง ใจมันเป็นความจริง

“ทำบุญแล้วไม่ได้บุญๆ”

กรรมเก่า กรรมใหม่นะ กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา เราเป็นคนทำของเรามา สิ่งที่ทำสิ่งใดแล้ว เดินจงกรมแล้วมันเฉียดไปเฉียดมา มันจะได้ มันจะไม่ได้ มันเป็นเพราะเหตุใด

ศีลเราดีหรือไม่ เราอยู่กับครูบาอาจารย์มานะ ถ้าผิดปกติ ศีล ถ้าผิดปกติ กลับมาดูศีลเลย ฉะนั้น ในพระกรรมฐานเรื่องศีลนี้สำคัญมาก ถึงเวลาแล้วถ้ามีผิดปกติปั๊บเขาจะรีบปลงอาบัติเลย รีบทำของมันขึ้นมาเพื่อไม่ให้เป็นดินพอกหางหมู เพื่อไม่ให้หัวใจมันต่ำช้าไปมากกว่านี้ แล้วพยายามฝึกฝนของเราขึ้นมา ถ้ามันทำไม่ได้ วันนี้เราผิดอะไร เราอยู่ในป่าในเขากัน คนผิดเล็กผิดน้อยจะรีบมาปลงอาบัติเลย แล้วพระกรรมฐานไง พระกรรมฐาน หมู่เพื่อนเป็นหมู่คณะกัน “เฮ้ย! เป็นอะไรวะ” มันก็บอกเป็นอย่างนั้นๆๆ เล็กๆ น้อยๆ อะไรมันก็กว้างออกไปเรื่อย ถ้าจิตมันไม่ลงเป็นเพราะอะไร แล้วถ้าทำสมาธิไปไม่ได้ เขาต้องมีหนักมีเบา

แล้วครูบาอาจารย์ของเราท่านเป็นนักปฏิบัติ เหมือนทางการแพทย์ ทางการแพทย์เขารู้เลย ใครมีพฤติกรรมอย่างไร อาศัยดำรงชีวิตอย่างไร เขาจะเป็นโรคอย่างนั้นชนิดนั้น โรคเกิดจากพฤติกรรมของคนที่ความเป็นอยู่ ครูบาอาจารย์เรานะ ท่านเห็นเลย คนภาวนาอย่างนี้ๆๆ ถ้ามันจะได้ มันจะได้อย่างนี้ๆๆ ถ้ามันไม่ภาวนาอย่างนี้ มันจะไม่ได้อย่างนี้ๆๆ

ฉะนั้น พอไม่ได้ปั๊บ ไปหาครูบาอาจารย์นะ เริ่มผ่อนอาหาร พอผ่อนอาหารนะ อดนอน ฉันเล็กน้อยขึ้นมา ฉันคำสองคำพอ เพื่ออะไร เพื่อไม่ให้ธาตุขันธ์ทับจิต

ไอ้เราไม่รู้เรื่องหรอก “โอ้โฮ! ภาวนานี่ต้องปูพรมให้เลยนะ ทุกอย่างจะพร้อม นี่เป็นบุญกุศล แล้วฉันจะภาวนานะ อู้ฮู! ทุกคนต้องสาธุก่อน” จะทำความดีไม่ได้ กลัวแต่คนไม่รู้ว่ากูทำความดีไง ทุกคนต้องเชิดชูบูชากูก่อนเลยนะ กูจะเข้าทางจงกรมเดี๋ยวนี้

แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์เราไม่ใช่ หลวงตาท่านพูดเอง ถ้าท่านเดินจงกรมมีใครเห็นไม่ได้ เสียความศักดิ์สิทธิ์ เดินจงกรมจะไม่มีใครเห็น

ท่านบอกท่านอยู่ที่วัดป่าหนองผือ ถ้ายังหัวค่ำอยู่ พระยังเดินจงกรมกันอยู่ ยังทำวัตร สวดมนต์กันอยู่ ท่านจะอยู่บนกุฏินั่งสมาธิภาวนา สี่ทุ่มห้าทุ่มเขาขึ้นกุฏิแล้วท่านถึงลงทางจงกรม แล้วท่านก็พูดเอง “เอ๊! มหาไม่เดินจงกรมเลยเนาะ มหาไม่ภาวนาเลยเนาะ” แต่ไปดูทางจงกรมสิ เป็นร่องเลย นี่เขาทำ เขาทำไม่ให้ใครเห็น ครูบาอาจารย์ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ที่มีสัตย์ ท่านจะมีความจริงในใจของท่าน

ไอ้ครูบาอาจารย์ขี้โม้ ไอ้พูดเรื่อยเฉื่อย เอาแต่พิธีกรรม เอาแต่บ้าบอคอแตก เพื่ออะไร มวลชนไง ถ้ามีพิธีกรรมก็มีคนเข้ามา มีจุดขาย ถ้าไม่มีจุดขายแล้วขายอะไร พระพุทธศาสนาขายอะไร

พระพุทธศาสนาขายถึงสัจจะขายถึงความจริง แล้วความจริงพิสูจน์ได้ พิสูจน์ได้จากความตั้งใจของเรานี่ ถ้าเป็นจริง เป็นจริงขึ้นมาเดี๋ยวนี้ อริยสัจมีหนึ่งเดียว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์เป็นพระอรหันต์

หลวงปู่มั่นเวลาท่านสิ้นกิเลส องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอนุโมทนา พระสมัยพุทธกาลมาอนุโมทนา มาอนุโมทนาทำไม

มาอนุโมทนาเลยว่าท่านจะสร้างธรรมทายาท ท่านเป็นผู้มีบารมี ท่านเป็นผู้ที่จะสามารถสั่งสอนคนได้ ท่านสามารถที่ทำศาสนาชัดเจนขึ้นมาได้ พระธรรม พระธรรมที่มันเลือนไป พระธรรมที่คนบอกมองไม่ถึง คนมองไม่เห็น คนมองข้ามไป มันค้นหาไม่ได้ มันหมดกาลหมดเวลา นี่ท่านเป็นคนมาฟื้นฟู แล้วมาฝึกหัดขึ้นมา เอาจริงเอาจังขึ้นมา ไม่เห็นแก่การอยู่การกิน ไม่เห็นแก่ปัจจัยเครื่องอาศัย ไม่เห็นแก่ใดๆ ทั้งสิ้น มีสิ่งใดท่านพยายามทำของท่าน เวลาคุ้มครองดูแลสัทธิวิหาริก ผู้เป็นลูกศิษย์ลูกหาพาประพฤติปฏิบัติ พาเอาจริงเอาจัง ไม่พากันฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไม่พากันว่า “ฉันจะเดินจงกรมแล้วนะ ฉันจะนั่งสมาธิแล้วนะ ฉันเป็นผู้มีศีลนะ” ไม่มี มีแต่อ่อนน้อมถ่อมตน ยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตน คนยิ่งเคารพบูชา

นี่พูดถึงว่าถ้ามันจะเป็นมหาปวารณา เราจะบอกว่ามันต้องออกมาจากความจริงใจ ออกมาจากสติปัญญาที่รู้ถูกรู้ผิด คนเราถ้าเป็นคนดีต้องรู้ผิดชอบชั่วดี ชั่วไม่ควรทำ เอาแต่คุณงามความดี

ฉะนั้น เวลาพระ พระนี่โดยกฎหมายเลย โดยวินัยเลย วันมหาปวารณาให้แทนวันลงอุโบสถได้ วันนี้พระจะมาปวารณากัน ปวารณากันคือให้สั่งสอนได้ ให้บอกได้ความผิดพลาดของเรา

พวกเอ็งปวารณาแล้วบอกได้ไหม จะให้คนชี้ความผิดได้ไหม ยังจะเหยียบเขาต่อไปใช่ไหม แล้วปวารณาเพื่ออะไร ปวารณาต้องปวารณาเพื่อความจริง ปวารณาต้องความรู้สึกสำนึกผิดสิ ความผิดพลาดของเราน่ะ นี่ไง ความผิดพลาดของเรา

คนเรานะ ถ้ามีสามัญสำนึกรู้จักผิดชอบชั่วดีได้ มันแก้ไขชีวิตได้นะ คนเราหลงผิด ความยึดมั่นถือมั่นทิฏฐิของตน วันใดมันรู้นะ คอตกเลย กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา มันมีแค่ทำดีทำชั่ว แล้วคนคนนั้นทำ แต่เพราะกิเลสมันปิดหูปิดตามันถึงยอมรับความจริงไม่ได้

ถ้ามันยอมรับความจริงได้ ให้คิด ให้คิด เพราะเวลากรรมมันให้ผลนะ คนเป็นมะเร็ง โรงพยาบาลศิริราชเต็มเลย เวลาเป็นมะเร็ง ทุกคนก็เห็นว่าเป็นมะเร็งใช่ไหม ต้องทำคีโมใช่ไหม เวลากิเลสมันพอกพูนในหัวใจที่มันเห็นผิด ทิฏฐิที่มันเห็นผิดเคยเห็นไหม รู้จักมันไหม ก็ไม่รู้ไม่เห็นไม่รู้จักไง ถึงได้อหังการกันอยู่นี่ไง วันใดรู้ว่ากิเลสมันทำร้ายเรา กิเลสมันข่มขี่เราน่ะ วันนั้นน่ะ นั่นน่ะโครตมะเร็งเลย คอตกไหม แล้วเราไม่แก้ไขใช่ไหม

เวลาคนเป็นมะเร็งเขาไปโรงพยาบาลนะ เอ็งเป็นโรคกิเลสในหัวใจ ไม่ทำอะไรเลยใช่ไหม แล้วก็ทำแค่พิธีกันอย่างนี้ใช่ไหม พิธีทำเสร็จแล้วนะ สาธุ หลวงพ่อรับประกัน

ไม่มีใครรับประกันใครได้หรอก มันต้องเอาความจริงขึ้นมา เอามาจากความจริง เอามาจากหัวใจของเรา มันจะเป็นประโยชน์กับเรา เพราะสิ่งนี้มันจะสะสมไปเป็นจริตเป็นนิสัย

เราเจอเยอะมากที่เวลาบอกว่าภาวนาไปแล้วจะเจอพระพุทธเจ้า ไปเจออะไรแล้วมันจะเกิดการต่อต้านการต่างๆ นั่นล่ะมันจะเกิดจากเหตุที่เราไปดูถูกดูหมิ่นรัตนตรัย เราไปดูถูกดูแคลน เคยดูถูกดูแคลนพระอริยเจ้า นี่ไง เคยทำร้ายเขา เคยมองภาพผิด นั่นล่ะกรรมทั้งนั้นน่ะ แล้วพอมันให้ผลขึ้นมานะ มันทำให้เราคิดร้ายๆ จะทำความดี มันจะทำให้เราเสียหาย จะทำความชั่ว มันพาไปเลย นี่ไง ถึงพยาบามบอกว่าให้สำนึกได้ อย่าให้สิ่งนี้มันเกาะหัวใจ ถึงให้ขอขมาลาโทษ เอวัง